และแล้วฤดูฝนก็มาถึงเมืองเหนืออย่างสมบูรณ์แบบ ช่วงเวลานี้คงไม่มีอะไรที่ดีไปกว่าการได้พาตัวเองออกมาสูดอากาศเย็นๆ ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวขจีที่รายล้อม ก็เลยอยากชวนไปใช้ชีวิตช้าๆ ในเมืองน่ารัก กับ 7 เส้นทาง ใน 2 เมือง ‘ยลลำปางพลัสลำพูน’ กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่นอกจากจะได้ชมทะเลหมอก โอบกอดธรรมชาติ ยังได้นั่งรถม้าเยี่ยมชมชุมชนเล็กๆ แวะทานอาหารมื้ออร่อย จิบกาแฟกลิ่นกรุ่น แล้วเลือกซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับไปเป็นที่ระลึกในสองเมืองน่าเที่ยว ก็นับว่าเป็นทริปที่สนุกแบบยกกำลังสอง
ถ้าพูดถึงจังหวัดลำพูนและลำปาง หลายคนอาจจะนึกถึงความเป็นเมืองรอง, เมืองทางผ่าน, ชามตราไก่, รถม้า แต่ความจริงแล้วทั้งสองเมืองเปี่ยมด้วยสเน่ห์ที่ไม่ได้เป็นสองรองจังหวัดใด เป็นเมืองที่มากด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหล มีทั้งวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ และยังมีอีกหลายสถานที่ที่เป็น Unseen รอให้เราได้ไปสัมผัส
ลำปางเป็นเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา เป็นแหล่งอารยธรรมล้านนา ที่ยังคงรักษารากเหง้าไว้ให้คนรุ่นหลังได้สัมผัส สะท้อนจากวัดวาอาราม พิพิธภัณฑ์ สถาปัตยกรรม และประเพณีท้องถิ่น ทั้งยังมีที่เที่ยวธรรมชาติที่งดงามไม่แพ้จังหวัดใด ซึ่งได้กลายมาเป็นเสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ทำให้ลำปางกลายเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักเดินทางจากทั่วสารทิศ
ลำพูน แม้จะเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เงียบสงบ ทว่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไม่ได้เล็กตามพื้นที่ นครหริภุญไชยแห่งนี้กลับยิ่งใหญ่และเก่าแก่ที่สุดในดินแดนล้านนา เปี่ยมด้วยศักยภาพด้านการท่องเที่ยวในเชิงศิลปวัฒนธรรม มีแหล่งท่องเที่ยวทั้งวัดวาอาราม เจดีย์เก่าแก่ ศิลปะล้านนาขนานแท้ที่มีลวดลายอันวิจิตรงดงาม อีกทั้งงานฝีมือที่เป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นจนเป็นสินค้าขึ้นชื่อ ก่อนต่อยอดเป็นธุรกิจที่นำรายได้กลับคืนสู่ท้องถิ่นอย่างผ้าไหมยกดอก นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่เกษตรกรรม แหล่งปลูกลำไยและกระเทียม แหล่งใหญ่ของภาคเหนือ และมีนิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่สี่เหลี่ยมเศรษฐกิจร่วมกับจังหวัดเชียงใหม่
ใครอยากร่วมทริป ‘ยลลำปางพลัสลำพูน’ กับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วยกันก็ตามมา เพียงแค่เตรียมตัวให้พร้อมแล้วหอบร่างฝ่าสายฝนไปตามรอยเส้นทางเขียว เที่ยวธรรมชาติ ภูเขา ทุ่งนาและชมทะเลหมอกสวยๆ ของสองจังหวัดนี้ไปด้วยกัน