Read this article in English
แต่ไหนแต่ไรแผ่นดินไทยของเราถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพียบพร้อมด้วยอาหารการกิน ตามคำกล่าวที่ว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” ที่สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ตั้งแต่สมัยสุโขทัย
เพราะอาหารไทยทุกยุคทุกสมัยมีตำนานและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ห้องอาหารมล่าวเมลา ของโรงแรม The Chiang Mai Riverside จะชวนเรามาทำความรู้จักกับวิถีความเป็นอยู่ของคนสมัยกรุงสุโขทัย กรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ผ่านอาหารไทยโบราณที่ยังคงสืบทอดมาถึงวันนี้
มล่าวเมลา (อ่านว่า มะ-ล่าว- มะ-เล่า) เป็นภาษาไทยโบราณ ที่หมายถึงความประณีต ประดิดประดอย เช่นเดียวกับอาหารที่เสิร์ฟ แต่ละจานทำขึ้นมาอย่างตั้งใจ โดยเชฟน้อย ปิยนาฎ ชาตตระกูล เชฟใหญ่ประจำห้องอาหาร ผู้มากด้วยประสบการณ์ ได้โชว์เสน่ห์ปลายจวัก จนเกิดเป็นสารพัดอาหารไทยจานสวย รสชาติในแบบต้นตำรับ ที่จะบอกเล่าถึงวัฒนธรรมการกินของคนไทยในแต่ละยุค
ขนมช่อชมพู: ของว่างไทยโบราณ สีชมพูสดใส เสิร์ฟเป็นลูกคล้ายขนมจีบร้อนๆ แป้งหนาหนึบ สอดไส้หมูและเนื้อปู เสิร์ฟเคียงมากับพริกและหอมเจียว
ชุดขนมสี่ถ้วย: สำรับของหวานสมัยสุโขทัย เป็นขนมมงคลที่มักนิยมใช้เลี้ยงแขกบ้านแขกเมือง ประกอบด้วย เม็ดแมงลัก ลอดช่อง ข้าวเหนียวดำ และข้าวตอก เสิร์ฟพร้อมน้ำกะทิอบควันเทียน มีขั้นตอนการกินง่ายๆ คือหยิบข้าวเหนียวดำลงใส่ถ้วยตามด้วยลอดช่อง เมล็ดแมงลักแล้วราดด้วยน้ำกะทิ จากนั้นโรยด้วยข้าวตอก กลิ่นหอมของน้ำกะทิจะเพิ่มรสชาติความหอมกลมกล่อม
เซ็ตขนมจีน: อาหารไทยตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นการนำเสนอรสชาติของน้ำจีน 4 ภาค มารวมไว้ในเมนูเดียว ขนมจีนน้ำเงี้ยวของภาคเหนือ น้ำยากะทิจากภาคกลาง จัดจ้านกับขนมจีนแกงไตปลาจากภาคใต้ น้ำยาป่า สุดเข้มข้นตามรสชาติจากภาคอีสาน
ปอเปี๊ยะเผือก: ของว่างที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีนอพยพ คนไทยโบราณรู้จักนำวัตถุดิบมาพลิกแพลง และรับประทานต่อกันมาหลายยุคหลายสมัย ทอดหอมกรอบ ทานอร่อยกับน้ำจิ้มบ๊วย
ยังมีอีกหลายเมนูอาหารไทย ที่ให้เราได้ไปทำความรู้จัก และลองลิ้มชิมรสชาติในแบบโบราณต้นตำรับ ไปจนถึงในแบบร่วมสมัยปัจจุบัน ที่ห้องอาหารมล่าวเมลาเตรียมไว้ต้อนรับสำหรับทุกมื้ออาหาร ตั้งแต่เช้าจรดค่ำท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ ริมฝั่งปิง
Malao Malao Restaurant, The Chiang Mai Riverside Hotel
เปิดทุกวัน: 11.00 – 23.00 น.
โทร. 053 447 211